วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2559

ต้นทางแห่งความดี (2) "สวัสดีค่ะ...อนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ"

ต่อจากตอนที่แล้ว....

...ผมได้ทิ้งท้ายเมื่อตอนที่แล้วไว้ว่า...ผมได้รู้แล้วว่าที่นี่คือ "วัดพระธรรมกาย"

...เมื่อเสร็จพิธีตักบาตรจากลานธรรม ซึ่งผมก็ปลื้มปีติใจกับการได้ใส่บาตรด้วยข้าวสารที่แพ็คมาอย่างดีจากที่บ้าน แม้จะมีมาน้อยแต่ก็รู้สึกปลื้มอย่างมากมาย

...หลังจากตักบาตรเรียบร้อยแล้ว อาจารย์ก็พาเดินต่อ ผมก็พยายามมองหาศาลาการเปรียญว่าอยู่ทิศทางไหน เพราะยังไม่มีวี่แววของช่อฟ้าใบระกา แต่ที่เห็นอยู่เบื้องหน้าคือพื้นที่บริเวณกว้างมาก มีต้นยูคาฯ ตั้งเป็นเสา และมีอะไรไม่รู้สีเขียว (มารู้ที่หลังว่า เขาเรียก "ซาแลน" ต้องขอโทษที่เพิ่งออกมาจากหลังเขา) ขึงเป็นหลังคา อาจารย์บอกว่า เขาใช้ที่นี้เป็นที่จัดงาน พื้นที่ตรงนี้จะเป็นที่สำหรับสร้าง "สภาธรรมกายสากล" (คำถามค้างใจ อะไรคือสภาธรรมกายสากล? หน้าตาเป็นยังไง?) แต่ด้วยเป็นเด็กไทยแท้ 100 เปอร์เซนต์ ก็เงียบไม่ถามต่อ

...หลังจากทุกอย่างลงตัวเข้าที่เข้าทาง พร้อมกับคำสั่งให้จำสัญลักษณ์บริเวณพื้นที่นั่งไว้ด้วยจะได้ "ไม่หลง" ต้องใช้คำนี้จริงๆ ครับ เพราะเมื่อฟ้าสร้าง รอบบริเวณจัดตักบาตรซึ่งพื้นที่กว้างมาก แต่สิ่งที่เห็นคือ มีมนุษย์ผู้ใจบุญเต็มทุกพื้นที่ครับ (อะไรจะมากันขนาดนี้) และก็ได้เวลาอาหารเช้าที่เราหอบหิ้วกระติกใส่ข้าวเหนียวร้อนๆ กับหมูทอดอร่อยๆ (ไม่ใช่ของตัวเองนะครับ ของอาจารย์และป้าๆ ที่หอบหิ้วมาแบ่งกันทาน)  และแล้วก็มีสิ่งให้ประหลาดใจอีกครับ หลังจากมีคำสั่งให้ไปหาอะไรทานกัน ลูกชายและลูกสาวของอาจารย์ก็นำหน้าขบวนเดินตามกันออกไปด้านข้าง มีซุ้มอะไรสักอย่างครับ มีถังสแตนเลสใหญ่ๆ มีถังแก๊สใหญ่ๆ และมีท่อหุ้มชนวนกันร้อนยื่นออกมาอยู่ที่โต๊ะด้านหน้าที่มีคนต่อแถวกันอยู่ ในระหว่างที่รอก็มีคนด้านหน้าเดินกลับออกมาพร้อมถ้วยโฟมและมีกลิ่นคล้ายๆ ม่าม่า เมื่อถึงคิ้วผม ซึ่งแน่ชัดแล้วว่าอาหารเช้าอันแสนอร่อยของผมวันนี้คือ "ม่าม่า" ที่สำคัญเป็นครั้งแรกที่ผมได้รู่จักกับ "ม่าม่าคัพ" ขณะยืนรออยู่ก็ได้ยินคนที่คอยเปิดน้ำใส่ถ้วยโฟม กล่าวทักท้ายว่า "สวัสดีค่ะ อนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ" !!??!! ผมก็รับกระบอกนั้นมา พร้อมกับหน้าที่งงๆ


 "สวัสดีค่ะ อนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ" !!??!!

...โปรดติดตามตอนต่อไป...

แต่ที่แน่ๆ "ม่าม่าคัพ" ที่วัดพระธรรมกาย อร่อยที่สุดในโลกสามครับ


วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559

ต้นทางแห่งความดี (1) "เพียงแค่พบ ตรึงตราอยู่ในใจเสมอมา"

...มีใครอยากไปเที่ยววัดกับครูบ้าง?...

...มีวันหนึ่งอาจารย์ที่ผมเคารพรักและยังรักอยู่ถึงทุกวันนี้ นามของท่านคือ "อาจารย์ถนอม" ผู้รับหน้าที่ในการสอนวิชาพระพุทธศาสนา ได้ถามนักเรียนให้ห้องว่า "ใครอยากไปเที่ยววัดกับครูบ้าง?" ต้องบอกก่อนว่าผมเป็นคนที่ชอบและสนใจเรื่องพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เล็ก โชคดีที่เกิดชนบท ยาย พ่อ แม่ จึงพาเข้าวัดมาตั้งแต่ยังเด็ก บทสวดให้พรต่างๆ บทพาหุงฯ นี่ ผมท่องได้ตั้งแต่เด็กครับ ดังนั้น เมื่ออาจารย์ชวนจึงไม่แปลกที่ผมจะยกมือเป็นคนแรกอย่างแน่นอน

...เช้ามืดวันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2539 ผมได้ลืมตาขึ้นบนรถบัสที่โดยสารมา ณ สถานที่แห่งหนึ่งที่มองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหมอกจางๆ ในยามเช้า กับอากาศเย็นสบาย ผมซึ่งเป็นเด็กใหม่จึงได้แต่เดินตามหลังอาจารย์ไปพร้อมกับเพื่อนกลุ่มเล็กๆ และลุงป้าน้าอาที่นั่งรถบัสมาด้วยกัน สักพักเราได้เดินมาถึงพื้นที่แห่งหนึ่ง อาจารย์ก็บอกให้นั่งรอร่วมประกอบพิธีตักบาตร และเมื่อฟ้าสร่างสิ่งที่ทำให้ผมตลึง..ตึง..ตึง...คือ พระภิกษุสงฆ์จำนวนมากมายนั่งสงบนิ่งอยู่บนเนินดินที่ยกขึ้นมา เรียกว่า "ลานธรรม" มีพระพุทธรูปปางสมาธิองค์ใหญ่สีขาวตั้งตระหง่านสวยงามมาก อาจารย์บอกว่า นี่คือ "พระธรรมกาย" ผมประทับใจมากกับกิจกรรมตักบาตรที่สงบ เป็นระเบียบ ทุกคนหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส เบิกบานในบุญกันอย่างมากมาย และสิ่งที่ตราตรึงอยู่ในใจผม คือ "พระธรรมกาย" และ "คณะสงฆ์จำนวนมากมาย" ที่สงบเสงี่ยม เป็นระเบียบเรียบร้อย อย่างที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย

...จะมีอะไรเกิดขึ้นจากนี้ต่อไป ขอโปรดรอติดตามต่อนะครับ

แต่ที่แน่นอน คือ ผมได้รู้แล้วว่า...ที่นี่คือ "วัดพระธรรมกาย"